เจาะลึกเพลาโบกี้ (Bogie Axle) ในรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ: กลไกสำคัญเพื่อการทรงตัวและรับน้ำหนัก
เจาะลึกเพลาโบกี้ (Bogie Axle) ในรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ: กลไกสำคัญเพื่อการทรงตัวและรับน้ำหนัก

สำหรับรถบรรทุกขนาดกลางถึงใหญ่ โดยเฉพาะรถบรรทุก 10 ล้อ และรถบรรทุก 6 ล้อบางรุ่น “เพลาโบกี้” (Bogie Axle) เป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบช่วงล่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว การรับน้ำหนัก และการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย บทความนี้จะเจาะลึกถึงความหมาย หลักการทำงาน และความสำคัญของเพลาโบกี้ในรถบรรทุก
เพลาโบกี้ (Bogie Axle) คืออะไร?
เพลาโบกี้คือชุดของเพลาขับเคลื่อนสองเพลาขึ้นไปที่ติดตั้งอยู่ใกล้กัน และทำงานร่วมกันเพื่อรองรับน้ำหนักและถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้นถนน ในรถบรรทุกส่วนใหญ่ เพลาโบกี้มักจะติดตั้งที่ด้านหลังของตัวรถ โดยเฉพาะในรถบรรทุก 10 ล้อ ซึ่งมักจะมีเพลาโบกี้ 2 เพลา (รวมเป็น 4 ล้อหลัง) ในขณะที่รถบรรทุก 6 ล้อบางรุ่นก็อาจมีเพลาโบกี้แบบ 2 เพลาเช่นกัน (รวมเป็น 4 ล้อหลัง) หรืออาจมีเพียงเพลาขับเคลื่อนเดี่ยว
หลักการทำงานของเพลาโบกี้:
- การกระจายน้ำหนัก: เพลาโบกี้ช่วยกระจายน้ำหนักบรรทุกไปยังล้อหลายล้อ ทำให้แต่ละล้อรับภาระน้อยลง ส่งผลให้รถบรรทุกสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้นโดยไม่เกินพิกัดของแต่ละเพลา
- การเพิ่มแรงยึดเกาะ: การมีล้อขับเคลื่อนหลายล้อในชุดเพลาโบกี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนน ทำให้มีแรงยึดเกาะมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับขี่บนถนนลื่น หรือในสภาพทางที่ขรุขระ
- การทรงตัวที่ดีขึ้น: เพลาโบกี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดการโคลงตัวของรถบรรทุก โดยเฉพาะเมื่อบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือเมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบ
- การดูดซับแรงกระแทก: ระบบกันสะเทือนที่ทำงานร่วมกับเพลาโบกี้จะช่วยดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และลดความเสียหายต่อตัวรถและสินค้า
ความแตกต่างของเพลาโบกี้ในรถบรรทุก 10 ล้อ และ 6 ล้อ:
- รถบรรทุก 10 ล้อ: ส่วนใหญ่จะมี เพลาโบกี้แบบ 2 เพลา (Tandem Axle Bogie) ที่ด้านหลัง ซึ่งหมายถึงมีเพลาขับเคลื่อน 2 เพลา ติดตั้งคู่กัน แต่ละเพลามีล้อ 2 ข้าง รวมเป็น 4 ล้อหลัง เพลาโบกี้ในรถ 10 ล้อ มักถูกออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกที่สูงมาก
- รถบรรทุก 6 ล้อ: รถบรรทุก 6 ล้อโดยทั่วไปจะมี เพลาขับเคลื่อนเดี่ยว (Single Drive Axle) ที่ด้านหลัง อย่างไรก็ตาม รถบรรทุก 6 ล้อบางรุ่นที่ต้องการรับน้ำหนักมากขึ้น หรือต้องการแรงยึดเกาะที่ดีขึ้น ก็อาจติดตั้ง เพลาโบกี้แบบ 2 เพลา (Tandem Axle Bogie) เช่นกัน ทำให้มีล้อหลัง 4 ล้อเหมือนรถ 10 ล้อ แต่โดยรวมแล้วจะรับน้ำหนักได้น้อยกว่ารถ 10 ล้อ
ประเภทของระบบกันสะเทือนที่ใช้กับเพลาโบกี้:
ระบบกันสะเทือนที่ใช้กับเพลาโบกี้มีหลายประเภท ออกแบบมาเพื่อการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น:
- ระบบแหนบ (Leaf Spring Suspension): เป็นระบบที่พบได้ทั่วไป มีความทนทานและรับน้ำหนักได้ดี
- ระบบถุงลม (Air Suspension): ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่สูง สามารถปรับระดับความสูงของรถได้
- ระบบกันสะเทือนแบบคานแข็งพร้อมคอยล์สปริง (Walking Beam Suspension): มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับงานบรรทุกหนักและสภาพถนนที่สมบุกสมบัน
ความสำคัญของเพลาโบกี้ในรถบรรทุก:
- เพิ่มขีดความสามารถในการบรรทุก: ช่วยให้รถบรรทุกสามารถขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากขึ้นได้อย่างปลอดภัย
- เสริมสร้างเสถียรภาพในการขับขี่: ลดการโคลงตัวและเพิ่มความมั่นคงของรถ โดยเฉพาะขณะเลี้ยวหรือเบรก
- ปรับปรุงการยึดเกาะถนน: ช่วยให้รถบรรทุกสามารถขับเคลื่อนได้ดีขึ้นในสภาพถนนที่หลากหลาย
- ลดแรงกระแทกต่อตัวรถและสินค้า: ช่วยให้การขนส่งสินค้ามีความปลอดภัยและลดความเสียหาย
สรุป:
เพลาโบกี้เป็นระบบช่วงล่างที่สำคัญในรถบรรทุก โดยเฉพาะรถบรรทุก 10 ล้อ และรถบรรทุก 6 ล้อบางรุ่น ทำหน้าที่หลักในการกระจายน้ำหนัก เพิ่มแรงยึดเกาะ และเสริมสร้างเสถียรภาพในการขับขี่ การเข้าใจถึงหลักการทำงานและความสำคัญของเพลาโบกี้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกและบำรุงรักษารถบรรทุกของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในการใช้งาน
